พระพุทธรูป

พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม

ประวัติพระศรีศากยมุนี

พระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยเนื้อโลหะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่ง มีขนาดหน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าพระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ นับเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในยุคก่อน 25 พุทธศตวรรษ เดิมเป็นพระประธานอยู่ในพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ สุโขทัย สร้างสมัยราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ให้อัญเชิญมายังกรุงเทพ ฯ ได้มีพระราชดำริจะสร้างพระอาราม ที่มีพระวิหารใหญ่อย่างวัดพนัญเชิงที่อยุธยา โดยประดิษฐานไว้กลางพระนคร เมื่อชลอพระศรีศากยมุนีมาถึงกรุงเทพ ฯ แล้วให้ประทับท่าสมโภช 7 วัน แล้วจึงทรงชักเลื่อนองค์พระทางสถลมารค และพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินตามขบวนแห่พระในรัชสมัยของพระองค์ ทำได้เพียงอัญเชิญองค์พระขึ้นตั้งไว้ ตัววิหารลงมือสร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ตรงใต้ฐานที่ผ้าทิพย์บรรจุพระบรมอัฐิของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8)

ส่วนด้านหลังบัลลังก์พระพุทธรูป

 

มีแผ่นศิลาสลัก เป็นศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทอง ปางยมกปาฏิหาริย์ และ ปางประทานเทศนาในสวรรค์ เป็นของเก่าและหาดูได้ยาก เข้าใจว่าจะมีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลกฯ ให้อัญเชิญมา เพื่อจะประดิษฐานยังวัดที่สร้างขึ้นกลางพระนคร ใกล้เสาชิงช้า ดังในพระราชพงศาวดารกล่าวถึงการอัญเชิญพระศรีศากยมุนีมายังกรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นว่า “ลุ จุลศักราช 1170 ปีมะโรง สำริดศก (พ.ศ.2351) เป็นปีที่ 27 ในรัชกาลที่ 1 ณ วันพฤหัสบดี เดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำ เชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ ลงมาจากเมืองสุโขทัย หน้าตัก 3 วาคืบ สมโภชที่หน้าตำหนักแพ 3 วัน ครั้น ณ เดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ เชิญชักพระขึ้นจากแพทางประตูท่าช้าง ไปทำร่มไว้ข้างถนนเสาชิงช้า ประตูนั้นเรียกว่า ประตูท่าพระ มาจนทุกวันนี้ เหตุว่าต้องรื้อประตู จึงเชิญเข้าไปได้ พระพุทธรูปองค์นี้ภายหลังได้ถวายพระนามว่า พระศรีศากยมุนี” 

หลังสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก การสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามยังไม่แล้วเสร็จ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ดำเนินการต่อ ดังในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า

“ในปีมะเมียจัตวาศกนั้น ทรงพระราชดำริว่า พระโต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้เชิญลงมาจากวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย และได้สร้างวัดประดิษฐานไว้กลางพระนคร ที่ใกล้เสาชิงช้า โดยพระราชดำริจะสร้างวิหารใหญ่ขนาดวิหารวัดพนัญเชิง ที่กรุงเก่า พระวิหารนั้นยังค้างอยู่ จึงโปรดให้สร้างพระวิหารนั้นต่อมา จนยกเครื่องบนเสร็จ ค้างอยู่แต่ยังไม่ได้ยกช่อฟ้าใบระกา อนึ่งบานประตูพระวิหารนั้นโปรดให้สลักลายขุดด้วยไม้แผ่นเดียว รมหมื่นจิตรภักดี เป็นนายงาน เมื่อคิดอย่างสำเร็จแล้ว ให้ยกเข้ามาในท้องพระโรงทรงสลักด้วยฝีพระหัตถ์ก่อน แล้วจึงให้ช่างทำต่อไป”

วัดสุทัศนเทพวราราม มาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 กล่าวสำหรับที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพระพุทธบัลลังก์พระศีศากยมุนี เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาบรรจุไว้เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2493