พระพุทธรูป

พระพุทธรูป ปางประทานพร

พระพุทธรูป  ปางประทานพร เป็น พระพุทธรูป ลักษณะทำห้อยพระหัตถ์เบื้องขวา หันฝ่าพระหัตถ์ไปข้างหน้าเป็นเครื่องหมาย แต่ส่วนองค์ พระพุทธรูป นั้นทำท่านั่งขัดสมาธิอย่างปางสมาธิ ยืน หรือเดิน สำหรับประทับยืนของปางประทานพร แตกต่างกับ ปางขอฝน ที่การห้อยพระหัตถ์อีกข้าง ซึ่งปางประทานพรจะทรงห้อยพระหัตถ์ลง  แต่ปางขอฝนจะทรงหงายพระหัตถ์ขึ้นในกิริยารับน้ำฝน นอกจากนี้ยังแตกต่างกับ ปางประทานอภัยที่พระหัตถ์ข้างที่ทรงผายออก โดยปางประทานพรพระหัตถ์ข้างที่ทรงยกขึ้นจ ะงอปลายนิ้วลงมาเล็กน้อย หรือทรงทำมุทรา (สัญลักษณ์มือ) แต่ ปางประทานอภัย จะทรงตั้งนิ้วขึ้นเสมอกัน และมิทรงงอปลายนิ้วลงเลย[1]

ประวัติความเป็นมาพระพุทธรูปปางประทานพร

‘ พระพุทธรูปปางประทานพร ’ เป็น พระพุทธรูปที่มีความเชื่อว่า เป็นพระประจำปีมะแม ลักษณะภายนอกของพระพุทธรูปปางนี้ จะทำท่าห้อยพระหัตถ์เบื้องขวา ทางด้านองค์พระพุทธรูปนั้นปรากฏพบว่า มีทั้งท่านั่งขัดสมาธิ, ยืน และเดิน ในส่วนของท่ายืนของปางประทานพร ก็มีไม่เหมือนกับปางขอฝน ซึ่งปางประทานพรจะทรงห้อยพระหัตถ์ลง หากแต่ถ้าเป็นปางขอฝนจะทรงหงาย พระหัตถ์ขึ้น โดยเป็นเครื่องหมายให้รับรู้ว่ากำลังรับน้ำฝนอยู่ อีกทั้งยังมีความแตกต่างกับ ปางประทานอภัยอีกด้วย โดยพระหัตถ์ข้างที่ทรงผายออก ถ้าเป็นปางประทานพรพระหัตถ์ข้างที่ทรงยกขึ้นจะงอปลายนิ้วลงมาเพียงเล็กน้อย หากแต่ปางประทานอภัยจะมีความแตกต่าง ตรงที่จะตั้งนิ้วขึ้น ไม่ได้มีการงอปลายนิ้วลงเลยแม้แต่น้อย

พระพุทธรูปปาง ประทานพร ถือกำเนิดมาตั้งแต่โบราณกาล

พระพุทธรูปปางประทานพร ในท่านั่ง

ตอนที่พระอานนท์ได้รับการคัดเลือก ให้ทำหน้าที่เป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ได้ทูลขอพร 8 ประการ จากพระพุทธเจ้า โดยพร 4 ข้อแรก ได้แก่

  • ไม่ต้องประทานจีวรอันสวยงามให้แก่ท่าน
  • ไม่ต้องประทานบิณฑบาตที่พระองค์ได้มาให้แก่ท่าน
  • ไม่ต้องประทานให้ท่านอยู่คันธกุฏิเดียวกับพระพุทธเจ้า
  • ไม่พาท่านไปในที่นิมนต์

และพร 4 ข้อหลัง ได้แก่…

  • ขอให้พระพุทธเจ้าไปในนิมนต์ที่ท่านรับไว้
  • ถ้าท่านนำพุทธบริษัทมาขอให้ได้เข้าเฝ้าทันที
  • ถ้ามีความสงสัยขอให้ถามได้ทันที
  • ถ้าพระพุทธเจ้าทรงไปแสดงธรรมที่ไหน ถ้าพระอานนท์ไม่ได้ฟัง ขอให้แสดงแก่ท่านอีกครั้งหนึ่ง

พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานพรทั้ง 8 ประการ ให้แก่พระอานนท์

ประวัติ ปางประทานพรในท่ายืน

มีเรื่องเล่าว่า ครั้นเมื่อนางมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่เป็นหญิงซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีครบตามหลักเบญจกัลยาณี ได้แก่ มีผมงาม , เนื้องาม , ฟันงาม , ผิวงาม และวัยงาม นางเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ต่อมาในช่วงฤดูฝนในพรรษาหนึ่ง นางวิสาขาได้ขอให้นางทาสีช่วยนิมนต์พระภิกษุมารับภัตตาหาร แต่พอดีว่าเป็นช่วงฝนตก พระภิกษุกำลังเปลือยกายอาบน้ำฝนอยู่ นางทาสีดันบังเอิญไปเห็นเข้าพอดี จึงเข้าใจว่าเป็นนักบวชจากลัทธิชีเปลือย นางทาสีจึงรีบกลับไปบอกความนี้แก่นางวิสาขา ต่อมาหลังจากที่นางวิสาถวายภัตตาหารให้แก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว นางจึงกราบทูลขอประทานพรเพื่อถวายสิ่งของต่างๆ ให้แก่ภิกษุ และภิกษุณี อันได้แก่…

  • ผ้าอาบน้ำฝน
  • อาหารสำหรับภิกษุอาคันตุกะ
  • อาหารสำหรับภิกษุผู้เตรียมจะไป
  • อาหารสำหรับภิกษุป่วยไข้
  • อาหารสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุ
  • ยาสำ